Social Proof

วิธีเปลี่ยนการนำเสนอให้เป็นคอร์สออนไลน์

Speechify เป็นโปรแกรมสร้างเสียง AI อันดับ 1 สร้างเสียงบรรยายคุณภาพสูงในเวลาจริง บรรยายข้อความ วิดีโอ อธิบาย – ทุกอย่างที่คุณมี – ในสไตล์ใดก็ได้

กำลังมองหา โปรแกรมอ่านออกเสียงข้อความของเราอยู่หรือเปล่า?

แนะนำใน

forbes logocbs logotime magazine logonew york times logowall street logo

  1. คอร์สออนไลน์คืออะไร?
  2. ประโยชน์ของคอร์สออนไลน์
  3. การปรับเนื้อหาการนำเสนอสำหรับการเรียนรู้ออนไลน์
  4. การรวมองค์ประกอบที่มีปฏิสัมพันธ์
  5. การสร้างการบรรยายวิดีโอหรือเสียงคุณภาพสูง
  6. การจัดโครงสร้างโมดูลคอร์สออนไลน์
  7. การรักษาความสนใจและแรงจูงใจของผู้เรียนออนไลน์
  8. การรวมการประเมินผล กลไกการให้ข้อเสนอแนะ และการรับรอง
  9. การรับรองการเข้าถึง
  10. การรวบรวมข้อเสนอแนะและการปรับปรุงหลักสูตร
  11. 9 เครื่องมือสร้างหลักสูตรออนไลน์ยอดนิยม
  12. คำถามที่พบบ่อย
    1. วิธีเปลี่ยน PowerPoint ของฉันให้เป็นคอร์สออนไลน์?
    2. วิธีแปลง PowerPoint ให้เป็นโมดูล eLearning แบบโต้ตอบ?
    3. วิธีเปลี่ยน PowerPoint ให้เป็นคู่มือการศึกษา?
  13. สรุป
ฟังบทความนี้ด้วย Speechify!
Speechify

ยุคดิจิทัลได้เปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนรู้และการสอนอย่างสิ้นเชิง หนึ่งในพัฒนาการที่สำคัญคือการเพิ่มขึ้นของคอร์สออนไลน์ ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้จากที่บ้านหรือที่ทำงาน...

ยุคดิจิทัลได้เปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนรู้และการสอนอย่างสิ้นเชิง หนึ่งในพัฒนาการที่สำคัญคือการเพิ่มขึ้นของคอร์สออนไลน์ ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะได้จากที่บ้านหรือที่ทำงาน บทความนี้จะนำเสนอวิธีการเปลี่ยนการนำเสนอของคุณให้เป็นคอร์สออนไลน์ที่น่าสนใจและเหมาะสมกับการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์

คอร์สออนไลน์คืออะไร?

คอร์สออนไลน์คือชุดของบทเรียนการศึกษาที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ต คอร์สเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ในโลก เพียงแค่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ในการเข้าถึง คอร์สออนไลน์อาจประกอบด้วยการบรรยายวิดีโอ การอ่าน การบ้าน แบบทดสอบ และองค์ประกอบที่มีปฏิสัมพันธ์เช่นกระดานสนทนา

ประโยชน์ของคอร์สออนไลน์

  1. ความยืดหยุ่น: ผู้เรียนสามารถเข้าถึงเนื้อหาคอร์สได้ทุกที่ทุกเวลา ทำให้สะดวกสำหรับผู้ที่มีตารางงานที่ยุ่ง
  2. ประหยัดค่าใช้จ่าย: คอร์สออนไลน์มักมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าคอร์สในห้องเรียนแบบดั้งเดิม เนื่องจากไม่มีค่าเดินทางหรือที่พัก
  3. หลากหลายตัวเลือก: มีคอร์สออนไลน์หลากหลายให้เลือกตามความสนใจและความต้องการที่แตกต่างกัน
  4. การเรียนรู้ด้วยตนเอง: ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ตามจังหวะของตนเอง ใช้เวลามากขึ้นในหัวข้อที่ท้าทายและผ่านหัวข้อที่ง่ายได้อย่างรวดเร็ว

การปรับเนื้อหาการนำเสนอสำหรับการเรียนรู้ออนไลน์

เพื่อเปลี่ยนการนำเสนอของคุณให้เป็นคอร์สออนไลน์ที่น่าสนใจ ลองพิจารณาเคล็ดลับต่อไปนี้:

  1. แบ่งเนื้อหาเป็นส่วนย่อย: แบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วนย่อยที่จัดการได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจข้อมูลได้ง่ายขึ้นและช่วยในการจดจำ
  2. ใช้สื่อมัลติมีเดีย: เพิ่มภาพ วิดีโอ และแอนิเมชันเพื่อทำให้เนื้อหามีชีวิตชีวาและน่าสนใจยิ่งขึ้น
  3. เพิ่มความมีปฏิสัมพันธ์: รวมองค์ประกอบที่มีปฏิสัมพันธ์เช่นแบบทดสอบ โพล และกระดานสนทนาเพื่อให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและกระตุ้นการมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้น

การรวมองค์ประกอบที่มีปฏิสัมพันธ์

  1. แบบทดสอบและโพล: สามารถใช้เพื่อประเมินความเข้าใจของผู้เรียนในเนื้อหาและรวบรวมความคิดเห็น
  2. กระดานสนทนา: เป็นแพลตฟอร์มให้ผู้เรียนถามคำถาม แบ่งปันไอเดีย และโต้ตอบกับกันและกันและผู้สอน
  3. การจำลองสถานการณ์: ช่วยให้ผู้เรียนฝึกทักษะในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและควบคุมได้

การสร้างการบรรยายวิดีโอหรือเสียงคุณภาพสูง

  1. ใช้ไมโครโฟนคุณภาพดี: เพื่อให้เสียงชัดเจน ทำให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
  2. ใช้สคริปต์: ช่วยในการนำเสนอเนื้อหาอย่างมีโครงสร้างและชัดเจน
  3. แก้ไขการบรรยาย: ลบเสียงรบกวน พัก หรือข้อผิดพลาดเพื่อทำให้การบรรยายดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น

การจัดโครงสร้างโมดูลคอร์สออนไลน์

  1. เริ่มต้นด้วยการแนะนำ: ให้ภาพรวมของคอร์ส วัตถุประสงค์ และสิ่งที่ผู้เรียนคาดหวังจะได้รับ
  2. จัดเนื้อหาอย่างมีลำดับ: จัดเรียงเนื้อหาในลำดับที่มีเหตุผล เริ่มจากพื้นฐานและค่อยๆ ไปสู่หัวข้อที่ซับซ้อนขึ้น
  3. รวมการประเมินผล: รวมแบบทดสอบหรือการบ้านในตอนท้ายของแต่ละโมดูลเพื่อประเมินความเข้าใจของผู้เรียนในเนื้อหา

การรักษาความสนใจและแรงจูงใจของผู้เรียนออนไลน์

  1. ให้ข้อเสนอแนะอย่างสม่ำเสมอ: ช่วยให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจและรู้ว่าพวกเขากำลังพัฒนาอย่างไร
  2. รวมองค์ประกอบเกม: ใช้องค์ประกอบเช่นเหรียญตรา กระดานผู้นำ และใบรับรองเพื่อทำให้ประสบการณ์การเรียนรู้สนุกสนานและมีรางวัล
  3. ให้ทรัพยากรเพิ่มเติม: เสนอวัสดุเสริมเช่นบทความ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ที่สนใจสำรวจหัวข้อต่อไป

การรวมการประเมินผล กลไกการให้ข้อเสนอแนะ และการรับรอง

  1. การประเมินผล: ช่วยในการประเมินความเข้าใจของผู้เรียนเกี่ยวกับเนื้อหา อาจอยู่ในรูปแบบของแบบทดสอบ งานที่มอบหมาย หรือโครงการ
  2. กลไกการให้ข้อเสนอแนะ: ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับผลการเรียนของผู้เรียนอย่างสม่ำเสมอ อาจเป็นการให้ข้อเสนอแนะอัตโนมัติในแบบทดสอบ หรือข้อเสนอแนะเฉพาะบุคคลในงานที่มอบหมาย
  3. การรับรอง: มอบใบรับรองการสำเร็จหลักสูตรเมื่อจบหลักสูตร ซึ่งเป็นการยอมรับความพยายามของผู้เรียนและสามารถเพิ่มในพอร์ตโฟลิโอวิชาชีพของพวกเขาได้

การรับรองการเข้าถึง

  1. ใช้ภาษาที่ชัดเจนและง่าย: ทำให้เนื้อหาเข้าถึงได้สำหรับผู้เรียนที่มีระดับความสามารถทางภาษาต่างกัน
  2. ให้บทบรรยายหรือคำบรรยายสำหรับวิดีโอ: ช่วยให้เนื้อหาเข้าถึงได้สำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยิน
  3. ใช้ข้อความแทนภาพ: ทำให้เนื้อหาเข้าถึงได้สำหรับผู้ที่มีปัญหาการมองเห็น

การรวบรวมข้อเสนอแนะและการปรับปรุงหลักสูตร

  1. รวบรวมข้อเสนอแนะ: ขอข้อเสนอแนะจากผู้เรียนเมื่อจบหลักสูตร อาจผ่านแบบสำรวจหรือแบบฟอร์มข้อเสนอแนะ
  2. วิเคราะห์ข้อเสนอแนะ: ระบุพื้นที่ที่สามารถปรับปรุงหลักสูตรได้
  3. อัปเดตหลักสูตร: ทำการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นในหลักสูตรตามข้อเสนอแนะที่ได้รับ

9 เครื่องมือสร้างหลักสูตรออนไลน์ยอดนิยม

  1. Adobe Captivate Adobe Captivate เป็นเครื่องมือสร้างเนื้อหาที่ได้รับความนิยมสำหรับการสร้างคอร์ส eLearning มีฟีเจอร์หลากหลาย เช่น การออกแบบที่ตอบสนองต่ออุปกรณ์ต่างๆ องค์ประกอบเชิงโต้ตอบ และการผสานรวมมัลติมีเดีย นอกจากนี้ยังรองรับ SCORM ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับระบบจัดการการเรียนรู้ (LMS) ส่วนใหญ่ได้ คุณสมบัติเด่น 5 อันดับ:
    • การออกแบบที่ตอบสนอง
    • องค์ประกอบเชิงโต้ตอบ
    • การผสานรวมมัลติมีเดีย
    • รองรับ SCORM
    • รองรับ VR และ AR ราคา: เริ่มต้นที่ $33.99/เดือน
  2. Articulate Storyline Articulate Storyline เป็นเครื่องมือสร้างเนื้อหาที่ได้รับความนิยมอีกตัวหนึ่งที่มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและฟีเจอร์ที่ทรงพลัง ช่วยให้คุณสร้างคอร์ส eLearning ที่มีการโต้ตอบและน่าสนใจโดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม คุณสมบัติเด่น 5 อันดับ:
    • อินเทอร์เฟซแบบลากและวาง
    • องค์ประกอบเชิงโต้ตอบ
    • การผสานรวมมัลติมีเดีย
    • รองรับ SCORM
    • รองรับการใช้งานบนมือถือ ราคา: เริ่มต้นที่ $1,299 สำหรับใบอนุญาตถาวร
  3. iSpring Suite iSpring Suite เป็นเครื่องมือสร้างเนื้อหาที่ครอบคลุมซึ่งรวมฟีเจอร์หลากหลายสำหรับการสร้างคอร์สออนไลน์ แบบทดสอบ และการจำลอง นอกจากนี้ยังมีคลังเนื้อหาที่มีเทมเพลต ตัวละคร และพื้นหลัง คุณสมบัติเด่น 5 อันดับ:
    • การผสานรวมกับ PowerPoint
    • เครื่องมือสร้างแบบทดสอบ
    • เครื่องมือสร้างการจำลอง
    • คลังเนื้อหา
    • รองรับ SCORM ราคา: เริ่มต้นที่ $770/ปี
  4. Microsoft PowerPoint Microsoft PowerPoint ไม่ใช่เครื่องมือสร้างเนื้อหา eLearning โดยเฉพาะ แต่สามารถใช้สร้างคอร์สออนไลน์ได้โดยการเพิ่มองค์ประกอบเชิงโต้ตอบ เช่น แบบทดสอบ โพล และกระดานสนทนา นอกจากนี้ยังสามารถผสานรวมกับเครื่องมือสร้างเนื้อหาอื่นๆ หรือ LMS เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการทำงาน คุณสมบัติเด่น 5 อันดับ:
    • อินเทอร์เฟซที่คุ้นเคย
    • การผสานรวมมัลติมีเดีย
    • การโต้ตอบ
    • เทมเพลตหลากหลาย
    • รองรับการใช้งานบนมือถือ ราคา: เป็นส่วนหนึ่งของการสมัครสมาชิก Microsoft 365 เริ่มต้นที่ $69.99/ปี
  5. Lectora Lectora เป็นเครื่องมือสร้างเนื้อหาที่ทรงพลังซึ่งมีชื่อเสียงในด้านฟีเจอร์การเข้าถึง ช่วยให้คุณสร้างคอร์สที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้เรียนที่มีความสามารถและความชอบในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีการออกแบบที่ตอบสนองและรองรับ SCORM คุณสมบัติเด่น 5 อันดับ:
    • ฟีเจอร์การเข้าถึง
    • การออกแบบที่ตอบสนอง
    • องค์ประกอบเชิงโต้ตอบ
    • รองรับ SCORM
    • คลังเนื้อหา ราคา: เริ่มต้นที่ $1,299/ปี
  6. Camtasia Camtasia เป็นซอฟต์แวร์บันทึกหน้าจอและตัดต่อวิดีโอที่สามารถใช้สร้างคอร์สออนไลน์ที่เน้นวิดีโอ มีฟีเจอร์เช่น แอนิเมชัน คำอธิบาย และแบบทดสอบเพื่อทำให้วิดีโอน่าสนใจยิ่งขึ้น คุณสมบัติเด่น 5 อันดับ:
    • การบันทึกหน้าจอ
    • การตัดต่อวิดีโอ
    • แอนิเมชัน
    • แบบทดสอบ
    • รองรับการใช้งานบนมือถือ ราคา: เริ่มต้นที่ $249.99 สำหรับใบอนุญาตถาวร
  7. Articulate Rise Articulate Rise เป็นเครื่องมือสร้างเนื้อหาบนเว็บที่ออกแบบมาเพื่อสร้างคอร์สออนไลน์ที่ตอบสนอง มีฟีเจอร์หลากหลาย เช่น องค์ประกอบเชิงโต้ตอบ การผสานรวมมัลติมีเดีย และรองรับ SCORM คุณสมบัติเด่น 5 อันดับ:
    • บนเว็บ
    • การออกแบบที่ตอบสนอง
    • องค์ประกอบเชิงโต้ตอบ
    • การผสานรวมมัลติมีเดีย
    • รองรับ SCORM ราคา: เป็นส่วนหนึ่งของการสมัครสมาชิก Articulate 360 เริ่มต้นที่ $1,299/ปี
  8. TalentLMS TalentLMS เป็น LMS บนคลาวด์ที่รวมฟีเจอร์การสร้างเนื้อหา ช่วยให้คุณสร้างคอร์สออนไลน์ จัดการผู้เรียน และติดตามความก้าวหน้า นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เช่น การเล่นเกม การเรียนรู้ทางสังคม และการเข้าถึงผ่านมือถือ คุณสมบัติเด่น 5 อันดับ:
    • บนคลาวด์
    • การเล่นเกม
    • การเรียนรู้ทางสังคม
    • รองรับการใช้งานบนมือถือ
    • รองรับ SCORM ราคา: เริ่มต้นที่ $59/เดือน
  9. Moodle Moodle เป็น LMS ฟรีและโอเพ่นซอร์สที่รวมฟีเจอร์การสร้างเนื้อหา ช่วยให้คุณสร้างคอร์สออนไลน์ จัดการผู้เรียน และติดตามความก้าวหน้า นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เช่น แบบทดสอบ งาน และฟอรัมสนทนา คุณสมบัติเด่น 5 อันดับ:
    • ฟรีและโอเพ่นซอร์ส
    • แบบทดสอบ
    • งาน
    • ฟอรัมสนทนา
    • รองรับการใช้งานบนมือถือ ราคา: ฟรี แต่การโฮสต์และปลั๊กอินเพิ่มเติมอาจมีค่าใช้จ่าย

คำถามที่พบบ่อย

วิธีเปลี่ยน PowerPoint ของฉันให้เป็นคอร์สออนไลน์?

  1. เริ่มต้นด้วยการแบ่งเนื้อหา PowerPoint ของคุณออกเป็นส่วนย่อย ๆ ที่จัดการได้ง่ายขึ้น
  2. เพิ่มสื่อมัลติมีเดีย เช่น รูปภาพ วิดีโอ และแอนิเมชัน เพื่อทำให้เนื้อหาน่าสนใจยิ่งขึ้น
  3. เพิ่มองค์ประกอบเชิงโต้ตอบ เช่น แบบทดสอบ โพล และกระดานสนทนา
  4. ใช้เครื่องมือสร้างสื่อ เช่น Adobe Captivate หรือ Articulate Storyline เพื่อแปลง PowerPoint ของคุณให้เป็นโมดูล eLearning แบบโต้ตอบ
  5. อัปโหลดโมดูลไปยัง LMS เช่น Moodle หรือ TalentLMS เพื่อส่งมอบให้กับผู้เรียน

วิธีแปลง PowerPoint ให้เป็นโมดูล eLearning แบบโต้ตอบ?

  1. ใช้เครื่องมือสร้างสื่อ เช่น iSpring Suite หรือ Articulate Storyline ที่ให้คุณนำเข้าสไลด์ PowerPoint ได้
  2. เพิ่มองค์ประกอบเชิงโต้ตอบ เช่น แบบทดสอบ การจำลอง และกระดานสนทนา
  3. เสริมเนื้อหาด้วยสื่อมัลติมีเดีย เช่น รูปภาพ วิดีโอ และแอนิเมชัน
  4. ส่งออกโมดูลในรูปแบบที่เข้ากันได้กับ LMS ของคุณ เช่น SCORM หรือ xAPI

วิธีเปลี่ยน PowerPoint ให้เป็นคู่มือการศึกษา?

  1. แบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วนย่อย ๆ และจัดเรียงอย่างมีเหตุผล
  2. เพิ่มบันทึกอธิบายและตัวอย่างเพื่อชี้แจงแนวคิด
  3. เพิ่มภาพประกอบ เช่น รูปภาพ แผนภาพ และอินโฟกราฟิก เพื่อทำให้เนื้อหาน่าสนใจยิ่งขึ้น
  4. รวมแบบทดสอบหรือคำถามประเมินตนเองในตอนท้ายของแต่ละส่วนเพื่อช่วยให้ผู้เรียนทดสอบความเข้าใจ
  5. แปลง PowerPoint เป็นรูปแบบ PDF หรือ eBook เพื่อการแชร์และเข้าถึงที่ง่ายขึ้น

สรุป

การเปลี่ยนการนำเสนอของคุณให้เป็นคอร์สออนไลน์สามารถเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า เพราะช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ชมที่กว้างขึ้นและมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นและน่าสนใจ โดยการทำตามขั้นตอนและเคล็ดลับที่กล่าวถึงในบทความนี้ คุณสามารถสร้างคอร์สออนไลน์ที่น่าสนใจ เข้าถึงได้ และมีประสิทธิภาพ

Cliff Weitzman

คลิฟ ไวซ์แมน

คลิฟ ไวซ์แมน เป็นผู้สนับสนุนด้านดิสเล็กเซียและเป็น CEO และผู้ก่อตั้ง Speechify แอปพลิเคชันแปลงข้อความเป็นเสียงอันดับ 1 ของโลก ที่มีรีวิว 5 ดาวมากกว่า 100,000 รีวิว และครองอันดับหนึ่งใน App Store ในหมวดข่าวและนิตยสาร ในปี 2017 ไวซ์แมนได้รับการยกย่องในรายชื่อ Forbes 30 under 30 จากผลงานของเขาในการทำให้อินเทอร์เน็ตเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้ที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ คลิฟ ไวซ์แมน ได้รับการนำเสนอใน EdSurge, Inc., PC Mag, Entrepreneur, Mashable และสื่อชั้นนำอื่น ๆ